
เครื่องปรับอากาศ ใหม่! Haier แอร์ที่ล้างตัวเองได้
เบราเซอร์ของคุณเก่าเกินไปแล้ว คลิกที่นี่เพื่ออัพเกรด ก่อนเข้าชมเว็บไซต์
Your browser is outdated Click Here to Upgrade before using our website
เขียนโดย: purich.v | 17 ตุลาคม 2025
หน้าร้อนมาเยือนทีไร สิ่งที่ตามมาติด ๆ คือบิลค่าไฟที่พุ่งสูงจนน่าตกใจ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องปรับอากาศ คือตัวการสำคัญที่ทำให้ค่าไฟของเราเพิ่มขึ้น แต่จะให้ทนร้อนไม่เปิดแอร์ก็คงเป็นไปไม่ได้ แล้วทีนี้เราควรจะเปิดแอร์เท่าไหร่ถึงจะเย็นสบาย ประหยัดไฟและเซฟเงินในกระเป๋าได้มากที่สุดด้วย ในบทความนี้ DAS Inter Group มีคำตอบและเคล็ดลับดี ๆ มาฝากกัน รับรองว่าทำตามได้ง่าย ช่วยให้บ้านเย็นฉ่ำ แถมยังประหยัดไฟได้อีกเพียบแน่นอน
จากข้อมูลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ระบุไว้ว่า การเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26 – 27 องศาเซลเซียส พร้อมกับเปิดพัดลมควบคู่กันไปด้วย จะช่วยให้เย็นสบาย และยังช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายอีกด้วย โดยในอุณหภูมินี้ถือเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกายคนส่วนใหญ่ในการรู้สึกสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป และที่สำคัญคือเป็นระดับอุณหภูมิที่คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากที่สุด มีข้อมูลระบุว่า ทุก ๆ 1 องศาที่เราเพิ่มขึ้น จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึงประมาณ 10% เลยทีเดียว
สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าไฟในช่วงหน้าร้อนสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นเพราะความแตกต่างของอุณหภูมิภายนอกและภายในห้องที่สูงมาก ลองนึกภาพตามว่า หากอากาศข้างนอกร้อนถึง 38 – 40 องศา แต่เราต้องการให้อุณหภูมิในห้องอยู่ที่ 25 องศา เครื่องปรับอากาศจะต้องทำงานหนักขึ้นและนานขึ้นหลายเท่า เพื่อต่อสู้กับความร้อนจากภายนอกที่พยายามจะเข้ามา ทั้งจากผนัง หลังคาและหน้าต่าง เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น ก็ย่อมใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเป็นเงาตามตัวนั่นเอง
นอกจากการตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยให้การเปิดแอร์ของคุณคุ้มค่าและประหยัดไฟมากยิ่งขึ้น
ย้ำกันอีกครั้งว่านี่คือหัวใจสำคัญของการประหยัดไฟ การตั้งอุณหภูมิในระดับนี้เป็นจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างความเย็นสบายและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การเปิดพัดลมควบคู่ไปกับการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26 – 27 องศา จะช่วยกระจายลมเย็นให้ทั่วถึงทั้งห้อง ทำให้เรารู้สึกเย็นสบายเหมือนเปิดแอร์ที่ 23 – 24 องศาเลยทีเดียว เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยประหยัดไฟได้มากเลยทีเดียว
ฝุ่นที่เกาะตามแผ่นกรองและแผงคอยล์เย็นคืออุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการไหลเวียนของลมเย็น ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งความเย็นออกมา การล้างแอร์เป็นประจำจึงช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดไฟขึ้น
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างให้ลมเย็นรั่วไหลออกไปข้างนอก และไม่มีลมร้อนจากภายนอกเข้ามาในห้องได้ หากเราปิดห้องให้สนิทก็จะช่วยรักษาอุณหภูมิให้คงที่ ทำให้คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนักขึ้นได้
ช่วงเวลากลางดึกที่อากาศเย็นลง การเปิดใช้โหมด Sleep Mode จะช่วยปรับอุณหภูมิขึ้นเล็กน้อยอัตโนมัติ หรือสามารถใช้วิธีตั้งเวลาปิดแอร์ ก่อนตื่นนอนสัก 1 – 2 ชั่วโมง วิธีนี้ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยประหยัดไฟได้โดยที่เราไม่รู้สึกร้อนอีกด้วย
หากห้องของคุณร้อนอบอ้าวจากการโดนแดดมาทั้งวัน ก่อนเปิดแอร์ลองเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศร้อนที่สะสมอยู่ออกไปก่อนสักครู่ แล้วค่อยเปิดเครื่องปรับอากาศ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้แอร์ทำความเย็นได้เร็วขึ้นและไม่ต้องทำงานหนักในช่วงแรก
การใช้งานอุปกรณ์ที่ปล่อยความร้อนสูง เช่น เตารีด ไดร์เป่าผม คอมพิวเตอร์หรือการทำอาหารในห้องที่เปิดแอร์ จะเป็นการเพิ่มภาระให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสู้กับความร้อนเหล่านั้น
สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าแอร์ที่มีอยู่เก่าเกินไป หรือกำลังมองหาแอร์เครื่องใหม่ การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และมีดาวเยอะ จะเป็นการการันตีประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานในระยะยาว ซึ่งหากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแอร์ยี่ห้อไหนดีที่ประหยัดไฟ สามารถปรึกษาทีมช่างผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์จาก DAS Inter Group เพื่อให้คุณได้แอร์ที่ดีที่สุดและประหยัดไฟที่สุด
ถึงแม้จะทำตามคำแนะนำข้างต้นมาหมดแล้ว แต่ถ้ายังติดตั้งแอร์ที่ BTU ต่ำเกินไป ก็อาจจะทำให้แอร์ทำงานหนัก ไม่ให้ความเย็นและยังเปลืองค่าไฟอีกแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจรวมไปถึงการติดตั้งแต่ที่ BTU สูงเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อยเกินความจำเป็น ทำให้ห้องชื้นและเปลืองไฟด้วยเช่นกัน ดังนั้น แนะนำให้คำนวณและเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับห้อง อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่แน่ใจว่า ห้องควรจะติดตั้งแอร์กี่ BTU ดี ที่ DAS Inter Group ในฐานะผู้จำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ระบบรักษาความปลอดภัยและ Business Solutions เราก็มีบริการซื้อแอร์พร้อมติดตั้ง พร้อมทีมช่างมืออาชีพ พร้อมให้คำปรึกษา วางแผนและออกแบบระบบ ช่วยให้คุณได้แอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับห้องที่สุด
ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ การปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 – 2องศา จาก 25 เป็น 26 – 27 องศา สามารถช่วยคุณประหยัดค่าไฟที่เกิดจากการใช้แอร์ได้ถึงประมาณ 10% – 20% เลยทีเดียว
ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและชนิดของแอร์ สำหรับแอร์ระบบธรรมดา (Non-Inverter) การเปิด-ปิดบ่อย ๆ จะเปลืองไฟกว่า เพราะทุกครั้งที่เปิดใหม่ คอมเพรสเซอร์จะกินไฟสูงเพื่อเริ่มทำความเย็น แต่หากจะออกจากห้องนานเกิน 1 – 2 ชั่วโมง ก็ควรปิด สำหรับแอร์ระบบ Inverter การเปิดทิ้งไว้จะประหยัดกว่า เพราะระบบจะลดรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ลงเมื่ออุณหภูมิคงที่แล้ว
การทำงานของแอร์แต่ละโหมดก็จะแตกต่างกันออกไป ควรเลือกเปิดแอร์ให้เหมาะกับสภาพอากาศ ณ วันนั้น ๆ เช่น
จริง เพราะระบบ Inverter จะปรับความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์ตามอุณหภูมิห้อง แทนที่จะตัด-ต่อการทำงานแบบแอร์รุ่นเก่า โดยคุณภูริชญ์ วิเศษธนากร (ผู้เชี่ยวชาญด้านติดตั้งเครื่องปรับอากาศของ DAS Inter Group) อธิบายว่า แอร์ Inverter ทำให้รักษาอุณหภูมิได้คงที่กว่า ทำงานเงียบกว่าและประหยัดไฟได้มากกว่าแอร์ธรรมดาถึง 30 – 40%
การเปิดแอร์ให้เย็นสบายและประหยัดไฟไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เริ่มต้นจากการตั้งอุณหภูมิที่ 26 – 27 องศาเซลเซียส ควบคู่กับการเปิดพัดลมช่วย ล้างแอร์สม่ำเสมอ เลือกขนาด BTU ให้เหมาะสม และยังรวมไปถึงการใช้ฟังก์ชันตั้งเวลาปิดแอร์ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณผ่านหน้าร้อนนี้ไปได้อย่างเย็นกาย สบายใจและสบายกระเป๋า หมดกังวลเรื่องบิลค่าไฟที่พุ่งสูงเกินจำเป็นไปได้เลย