เปิดแอร์โหมด Dry เปลืองไฟไหม? รู้จักโหมด Dry พร้อมข้อดี-ข้อเสียก่อนเปิดใช้งาน 

เมืองไทยกับอากาศร้อนชื้นเป็นของคู่กัน ทำให้เครื่องปรับอากาศหรือแอร์กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นสำหรับทุกบ้าน แต่เคยสงสัยไหมว่า บนรีโมตแอร์นอกจากโหมดทำความเย็น (Cool Mode) ที่เราคุ้นเคยกันดี ยังมีโหมดลดความชื้น หรือ Dry Mode ที่หลายคนอาจมองข้ามไป แล้วโหมดนี้ทำงานอย่างไร ช่วยให้ห้องเย็นสบายได้จริงหรือ? แล้วเปิดแอร์โหมด Dry จะเปลืองไฟไหม? ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องปรับอากาศจาก DAS Inter Group ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี วันนี้เราจะมาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโหมด Dry เพื่อให้คุณใช้งานแอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุดกัน!   

โหมด Dry ในแอร์ คืออะไร

โหมด Dry คือโหมดลดความชื้น ซึ่งถูกออกแบบมา เพื่อดูดความชื้นออกจากอากาศในห้อง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวแต่มีความชื้นสูง เช่น ช่วงหน้าฝน โหมดนี้จะช่วยให้ห้องรู้สึกเย็นสบายแบบไม่อึดอัด โดยไม่เน้นการลดอุณหภูมิให้เย็นจัดเหมือนโหมด Cool หลังจากเปิดใช้งานโหมดลดความชื้นนี้ แอร์จะทำงานสลับระหว่างการดูดอากาศและพักการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เพื่อควบคุมความชื้นให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกเย็นสบายแม้อุณหภูมิในห้องจะไม่ได้ลดลงมากนัก 

แอร์โหมด Dry ต่างจากแอร์โหมด Cool อย่างไร? 

ความแตกต่างหลักระหว่างสองโหมดนี้อยู่ที่วัตถุประสงค์การทำงาน ดังนี้

• โหมด Cool จะมุ่งเน้นไปที่การลดอุณหภูมิในห้องให้ได้ตามที่เราตั้งค่าไว้ คอมเพรสเซอร์จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความเย็นสูงสุด 
• โหมด Dry จะให้ความสำคัญกับการควบคุมระดับความชื้นในอากาศ คอมเพรสเซอร์จะทำงานสลับกับหยุดพัก เพื่อรักษาสมดุลความชื้นและทำความเย็นเล็กน้อยไปพร้อมกัน ทำให้การทำงานของโหมด Dry นั้นนุ่มนวลและเงียบกว่า  

เปิดแอร์โหมด Dry เปลืองไฟไหม?

หากถามว่า เปิดแอร์โหมด Dry เปลืองไฟไหม สามารถตอบได้เลยว่า ไม่เปลืองไฟเท่าเปิดแอร์ในโหมด Cool เนื่องจากการทำงานของโหมด Dry จะเน้นการดูดความชื้น โดยที่คอมเพรสเซอร์ไม่ได้ทำงานต่อเนื่องแบบโหมด Cool จึงช่วยลดการใช้พลังงานได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่ออากาศไม่ได้ร้อนมาก แต่มีความชื้นสูง เช่น ในช่วงฝนตกหรือฤดูมรสุม เป็นต้น  

อย่างไรก็ตาม หากใช้โหมด Dry ในวันที่อากาศร้อนจัด อาจต้องเปิดแอร์นานขึ้นเพื่อให้รู้สึกเย็น จึงอาจทำให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น ทั้งนี้ ควรเลือกโหมดให้เหมาะกับสภาพอากาศจะดีที่สุด   

แอร์โหมด Dry เหมาะกับสภาพอากาศแบบไหน? 

โหมด Dry เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน หรือวันที่อากาศมีความชื้นสูงแต่ไม่ถึงกับร้อนจัด วันที่ท้องฟ้ามีเมฆมาก อากาศอบอ้าว ทำให้เรารู้สึกเหนียวตัว ไม่สบายตัว การเปิดแอร์โหมด Dry จะช่วยลดความชื้นในห้อง ทำให้บรรยากาศในห้องแห้งสบายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องลดอุณหภูมิให้เย็นฉ่ำจนเกินไป 

ข้อดีของการใช้แอร์โหมด Dry

• ลดความชื้นในห้อง ช่วยลดปัญหาความชื้นสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ ทั้งยังดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ 
• เหมาะกับช่วงหน้าฝนหรืออากาศชื้น โหมดที่ตอบโจทย์สำหรับวันที่ฝนตกพรำ ๆ หรือวันที่อากาศอบอ้าว ทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
• ประหยัดพลังงาน เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลง จึงช่วยลดค่าไฟได้มากกว่าการเปิดโหมด Cool ตลอดเวลา 

ข้อเสียของการใช้แอร์โหมด Dry

• ไม่เหมาะกับวันที่ร้อนจัด ในวันที่อากาศร้อนและแดดแรง การใช้โหมด Dry อาจไม่สามารถทำความเย็นได้เพียงพอ 
• อาจทำให้ห้องแห้งเกินไป หากใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานในวันที่อากาศไม่ได้ชื้นมาก อาจทำให้ผิวแห้งหรือรู้สึกระคายคอได้ 
• ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากแอร์จะปรับการทำงานอัตโนมัติ เพื่อควบคุมความชื้น เราจึงไม่สามารถตั้งค่าอุณหภูมิต่ำ ๆ หรือเร่งความเย็นให้ได้ดั่งใจเหมือนโหมด Cool 

สรุปบทความ 

โหมด Dry ในแอร์เป็นตัวช่วยที่ดีในวันที่อากาศชื้น โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน เพราะช่วยดูดความชื้น ลดอาการอับชื้น และให้ความรู้สึกเย็นสบาย โดยไม่เปลืองไฟเท่าการเปิดโหมด Cool ดังนั้นหากคุณเคยสงสัยว่า เปิดแอร์โหมด Dry เปลืองไฟไหม คำตอบคือโหมดนี้ จะช่วยประหยัดพลังงานได้ในบางสภาพอากาศ แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ไม่เหมาะกับวันที่อากาศร้อนจัด และไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำเท่าโหมด Cool

ทั้งนี้ หากคุณกำลังมองหาแอร์ที่รองรับการใช้งานหลายโหมด พร้อมฟังก์ชันประหยัดไฟและตอบโจทย์ทุกสภาพอากาศ สามารถเลือกดูรุ่นแนะนำ เช่น แอร์มิตซูบิชิ แอร์ Haier แอร์แคเรียร์ และแอร์ Daikin ได้ เพราะ DAS Inter Group เรามีทีมงานมืออาชีพ พร้อมให้คำปรึกษาและบริการ เราอยู่เคียงข้างลูกค้ามากว่า 10 ปี ทั้งงานระบบและติดตั้งครบวงจรในที่เดียว