เบราเซอร์ของคุณเก่าเกินไปแล้ว คลิกที่นี่เพื่ออัพเกรด ก่อนเข้าชมเว็บไซต์

Screenshot

Your browser is outdated Click Here to Upgrade before using our website

ความต่างของ อินฟาเรด(Infrared) กล้องวงจรปิด มีกี่แบบ

ความต่างของกล้องวงจรปิดแบบอินฟราเรด (Infrared) แต่ละประเภท

เขียนโดย: purich.v | 28 มกราคม 2020

CCTVCheck24 เราเชื่อว่าการที่คุณหาซื้อกล้องวงจรปิดคุณภาพสูงสักตัวมาติดตั้ง นอกจากจะต้องเลือกที่ความปลอดภัยแล้ว ยังต้องดูที่ความคมชัดและความไวของเฟรมกล้องที่สามารถจับทุกความเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำอีกด้วย

ถึงแม้ว่ากล้อง CCTV จะมีคุณภาพดีมากสักแค่ไหน แต่การใช้งานกล้องวงจรปิดกลางคืน โดยเฉพาะช่วงเวลา 20.30 – 05.30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่กล้องไม่สามารถจับภาพที่มีความคมชัดได้ คุณยังจะรู้สึกปลอดภัยอยู่หรือเปล่า

ปัจจุบัน กล้องวงจรปิดคุณภาพสูงเป็นสิ่งที่สำนักงาน ห้างร้าน ตลอดจนสถานที่อื่นๆ ควรให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการถูกโจรกรรม และเพื่อบันทึกหลักฐานในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่อาจเล็ดรอดจากสายตาของเราไปได้ 

กล้องวงจรปิดมีกี่แบบ

เราสามารถแบ่งกล้องวงจรปิดตามลักษณะของตัวกล้องได้ ดังนี้

เราสามารถแบ่งกล้องวงจรปิดตามลักษณะของตัวกล้องได้ ดังนี้

1. กล้องวงจรปิดแบบมาตรฐาน เป็นกล้องทรงกล่องสี่เหลี่ยมที่ใช้งานกันโดยทั่วไป หากต้องการใช้บันทึกภาพในที่ที่มีแสงน้อย จำเป็นต้องติดตั้งระบบอินฟราเรดเพิ่มเติม

2. กล้องวงจรปิดแบบโดมและแบบสปีดโดม มีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมคล้ายโดม อาจมีหรือไม่มีระบบอินฟราเรดก็ได้ และสามารถปรับให้หมุนไปรอบทิศทางเพื่อดูเหตุการณ์ในจุดต่างๆ 

3. กล้องวงจรปิดแบบกระบอก มีลักษณะเป็นกระบอกยาวและมีส่วนที่ยื่นออกมาเพื่อบังแดด นิยมใช้งานภายนอกอาคาร ดังที่เราเห็นตามท้องถนนหรือสถานที่ต่างๆ

4. กล้องวงจรปิดแบบซ่อน มีขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ แต่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพและเสียง

โดยปกติแล้ว การทำงานของกล้องวงจรปิด CCTV กล้องจะมีเซนเซอร์ (Sensor) ตรวจสอบสภาพแสงว่าในขณะนั้นๆ มีแสงน้อยกว่าที่กล้องกำหนดไว้หรือไม่ โดยในสภาพที่แสงมาก กล้องจะแสดงภาพออกมาเป็นภาพสี แต่หากอยู่ในสภาพที่แสงน้อยกว่าที่กำหนด ภาพที่แสดงจะออกมาเป็นสีขาวดำ มีความคมชัดน้อยกว่าภาพสี และยังมีจุดรบกวนในภาพหรือ Noise แทรกค่อนข้างมาก เนื่องจากกล้องวงจรปิดจะพยายามเก็บรายละเอียดให้มากขึ้น แต่ยังคงต้องรักษา Shutter Speed เอาไว้ จึงจำเป็นจะต้องเพิ่มความไวแสงของ CCD/ CMOS ขึ้น (ที่เราเรียกว่า ISO) ซึ่งการเพิ่มค่าความไวแสงนี้เองทำให้ Noise เพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม การติดตั้งกล้องในสภาพที่มืดสนิทจึงทำให้ภาพที่ได้มี Noise มากจนขาดความคมชัด

แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยการใช้กล้องวงจรปิดที่มีระบบ Infrared ซึ่งใช้รังสีอินฟราเรดช่วยในการจับภาพ หรือใช้กล้องวงจรปิดกลางคืนระบบ ColorVu ที่ใช้เลนส์ขั้นสูงและเซ็นเซอร์ประสิทธิภาพสูง ทำงานร่วมกับระบบไฟเสริม แม้ถ่ายภาพในเวลากลางคืนก็ให้ภาพที่สว่างคล้ายเวลากลางวัน ช่วยในการระบุรูปร่างลักษณะบุคคลเพื่อความปลอดภัยได้ง่ายดายกว่าระบบเดิม

รังสี IR และกล้องอินฟราเรดคืออะไร

รังสีอินฟราเรด (Infrared, IR) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างคลื่นวิทยุและแสงขาว (Visible Light) โดยมีความถี่อยู่ในช่วง 1011 – 1014 เฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นความถี่ในช่วงเดียวกับไมโครเวฟ มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างแสงสีแดงกับคลื่นวิทยุ สสารทุกชนิดที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง -200 ถึง 4,000 องศาเซลเซียส จะปล่อยรังสีอินฟราเรดออกมา โดยรังสีนี้อยู่ในช่วงความถี่ที่ตาของมนุษย์มองไม่เห็น จึงไม่รบกวนมนุษย์หรือปล่อยลำแสงจนเป็นที่สะดุดตาของขโมย แต่กล้องอินฟราเรดนั้นสามารถจับภาพที่มีความถี่ของคลื่นดังกล่าวได้ จึงทำให้ภาพมี Noise ลดลง ผลลัพธ์จากกล้องอินฟราเรดคือภาพที่ได้มีความชัดเจนมากขึ้น

กล้องอินฟราเรดมีกี่แบบ?

กล้องวงจรปิดที่มาพร้อมระบบอินฟราเรดมีราคาที่แตกต่างกันไป อันเนื่องมาจากการพัฒนาคุณสมบัติด้านระบบของอุปกรณ์ ในปัจจุบันมีกล้อง Infrared ให้เลือก 2 ระบบ ได้แก่

กล้องวงจรปิดอินฟราเรดระบบเดิม

เป็นกล้องที่มีหลอด LED ดวงเล็กๆ หลายๆ หลอดอยู่รอบเลนส์ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งานกล้อง Infrared ระบบนี้ คือ

1. กล้องร้อน จึงทำให้ตัวกล้องเสียเร็วขึ้น (ภาษาวิทยาศาสตร์เรียกว่า Catalyze)

2. ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด Infrared ระบบนี้ ส่วนที่เป็นสีดำจะไม่ดำสนิท ภาพที่ได้จึงฟุ้ง Contrast ไม่ดี ภาพไม่สวยคมชัด

3. กล้องอินฟราเรดแบบ LED จะส่งคลื่นออกมาเป็นค่าที่ตายตัว เวลาวัตถุหรือหน้าคนเข้ามาใกล้ๆ กล้อง ภาพที่ได้จะ ขาวจนฟุ้ง และมองไม่เห็นรายละเอียดของภาพ

Smart IR หรือ Array

เป็นกล้องอินฟราเรดระบบใหม่ถูกพัฒนาขึ้นมาในปัจจุบัน และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าระบบ LED เพราะ

1. Contrast ดีมาก ภาพคมชัด

2. สามารถปรับเพิ่มลดแสงได้ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ Over หรือ Under จึงดูฟุ้งกระจายหรือมืดจนเกินไป

3. ภาพที่ได้ไม่สว่างเป็นวงเมื่อใช้งานในเวลากลางคืน

4. เนื่องจากใช้หลอดเดี่ยว ทำให้สามารถออกแบบให้กล้องมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมได้

5. ลำแสงไปได้ไกลกว่าเดิม บางรุ่นมี IR Array แค่สองหลอด สามารถส่องไปได้ไกลถึง 40 เมตร รุ่น Speed Dome มี Array ส่องได้ไกลถึง 70 เมตร

และด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกล กล้องอินฟราเรดระบบใหม่จึงอาจมีราคาสูงขึ้น แต่ด้วยประสิทธิภาพแล้ว นับว่าคุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอน

กล้องวงจรปิดกลางคืนเทคโนโลยี ColorVu เอาชนะทุกสภาพแสง

และนอกจากกล้องอินฟาเรดที่ใช้งานได้ดีมากในเวลากลางคืนแล้ว ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่มาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สิน นั่นก็คือ ColorVu หรือ Darkfighter เทคโนโลยีเพื่อกล้องวงจรปิดคุณภาพสูงที่เก็บรายละเอียดทั้งสีสันและความชัดเจนของภาพไว้อย่างครบถ้วน ด้วยเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ เลนส์และเซ็นเซอร์ประสิทธิภาพสูง ประสานกับระบบไฟเสริม จนได้เป็นภาพวิดีโอที่ไม่สูญเสียรายละเอียดด้านสีสัน การเลือกซื้อกล้องวงจรปิดที่มีระบบ ColorVu นั้นสามารถเลือกได้ทั้งแบบกล่องและแบบโดม ตามความเหมาะสมของพื้นที่

สรุปเลยว่า หากใครที่กำลังสงสัยว่าจะติดกล้องวงจรปิดแบบไหนดี กล้อง CCTV ระบบ Infrared หรือระบบ ColorVu นั้นดีกว่าทุกประการ เพราะเป็นกล้องวงจรปิดกลางคืนที่ถูกพัฒนามาให้บันทึกภาพได้ชัดเจนแม้ในเวลาที่มีแสงน้อย แต่การเลือกซื้อกล้องวงจรปิดระบบนี้มีราคาสูง อาจจะต้องจ่ายเพิ่มสักเล็กน้อย เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดและมีประสิทธิภาพ เวลาเอาไปเป็นหลักฐานจะได้ใช้งานได้ดี

บทความอื่น ๆ