BTU (British Thermal Unit) คืออะไร?
เขียนโดย: purich.v | 28 มกราคม 2020
มาทำความรู้จักกับเจ้า BTU ซึ่งย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ก็คือหน่วยความเย็นของแอร์ ยิ่งตัวเลขBTUมาก ความสามารถในการสร้างความเย็นจากแอร์ก็จะได้มากและสามารถทำความเย็นได้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ถ้ามี BTU มากพอก็จะทำให้แอร์ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นตามไปด้วยนั้นเอง
และขนาด BTU ที่เหมาะสมกับขนาดของตัวห้องนั้น ไม่ใช่เลือกมองแค่ BTU
- ห้องเล็กแต่เลือกแอร์ BTU ใหญ่จนเกินไป จะทำให้เสียเงินซื้อแอร์แพงเกินความจำเป็นและค่าติดตั้ง ค่าไฟแพง โดยเปล่าประโยชน์
- ห้องใหญ่แต่เลือกแอร์ BTU เล็กจนเกินไป จะทำให้ห้องเย็นไม่พอ แถมยังเปลืองไฟ และอาจทำให้แอร์ทำงานหนักจนพังได้อีกด้วย
จะซื้อแอร์ควรเลือกแอร์ที่มีขนาด BTU ที่สัมพันธ์กับพื้นที่ห้อง เหมาะสมกับขนาดของตัวห้องแต่ละขนาด
ขนาด BTU | ห้องปกติ | ห้องติดหลังคา (โดนแดด) |
9,000 BTU | 10-15 ตารางเมตร | 9-14 ตารางเมตร |
12,000 BTU | 16-21 ตารางเมตร | 14-18 ตารางเมตร |
15,000 BTU | 22-27 ตารางเมตร | 20-26 ตารางเมตร |
18,000 BTU | 28-35 ตารางเมตร | 24-32 ตารางเมตร |
24,000 BTU | 32-40 ตารางเมตร | 28-36 ตารางเมตร |
28,000 BTU | 40-50 ตารางเมตร | 35-45 ตารางเมตร |
33,000 BTU | 44-59 ตารางเมตร | 41-55 ตารางเมตร |
42,000 BTU | 59-65 ตารางเมตร | 55-61 ตารางเมตร |
ข้อ. ที่ควรรู้คือถ้าเป็นห้องที่ต้องเจอกับแสงแดดตลอดทั้งวัน ก็จะต้องเลือกแอร์ที่มีขนาด BTU มากกว่าปกติเพราะ แอร์สำหรับร้านอาหารนั้น คนที่ติดตั้งแอร์ไว้ในห้องครัว ที่มีความร้อนจากการประกอบอาหารก็จะต้องใช้แอร์ที่มีขนาด BTU ที่ใหญ่กว่าปกติด้วยเช่นเดียวกัน